post

มาร์ค มาเกวซ ไอ้มดแดงแรงฤทธิ์

แรงไม่หยุดฉุดไม่อยู่จริง ๆ กับมาร์ค มาเกวซ “ไอ้มดแดงแห่งเซอร์เวร่า” (Ant of Cervera) หรือฉายาที่คนไทยต้องเรียกติดปากว่า “เด็กระเบิด” เมื่อสามารถคว้าแชมป์โมโตจีพีรุ่น 500 ซีซี ได้เป็นสมัยที่ 5 และเป็น 3 สมัยติดต่อกันในวัยเพียง 26 ปีเทียบเท่ากับมิค ดูฮานอดีตยอดนักบิดชาวออสเตรเลีย แต่ยังตามหลังวาเลนติโน่ รอสซี่(7)และจิอันโคโม่ อกอสตินี่(8) อยู่ 2 และ 3 สมัยตามลำดับ แต่ด้วยอายุเพียง 26 ปีในปัจจุบัน เส้นทางการเป็นสุดยอดนักบิดที่ประสบความสำเร็จเหนือผู้ใดยังคงเปิดกว้างให้แก่ “MM23” มาร์ค มาเกวซอยู่เสมอ

บ้าบิ่นและเสี่ยงตาย

มาร์ค มาเกวซเกิดเมื่อ 17 กุมภาพันธ์ 1993 ในแคว้นคาตาลันประเทศสเปน โดยเฉพาะตัวใช้หมายเลข 93 เลขเดียวกับปีเกิดของเขาตลอดมามาเกวซได้ชื่อว่าเป็นนักบิดประเภทบ้าบิ่น กล้าได้กล้าเสียทำให้ต้องเจ็บตัวอยู่เสมอจนในบางครั้งก็มีผลทำให้ตนเองต้องพลาดแชมป์สำคัญจากสไตล์การขับขี่เช่นนี้ของเจ้าตัว โดยเฉพาะช่วงเวลาที่เทิร์นโปรขึ้นมาใหม่ ๆ ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่เคยรู้สึกกลัวอะไรเลย การได้เห็นรอยแผลถลอกตามใบหน้าและตัวของเขาจึงดูเหมือนจะเป็นเรื่องปกติที่พบเห็นอยู่เป็นประจำ แม้ต่อมาเจ้าตัวจะดูลดความบ้าบิ่นลงไปมากแล้ว แต่ความเก่งกาจของเจ้าตัวก็ยังคงเป็นที่ประจักษ์ต่อแฟนนักบิดอยู่ตลอดเวลา เทคนิคที่แปลกใหม่ยากต่อการเลียนแบบ ติดตาผู้ชมในสนามและทางบ้านที่หลงใหลในความเร็วไม่ได้ลดลงแต่อย่างใด

ท้าทายความอัจฉริยะของ “เดอะ ดอกเตอร์”

“VR46” “เดอะ ด็อกเตอร์” คือฉายาของวาเลนติโน่ รอสซี่อดีตแชมป์โลก 7 สมัยที่ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในอัจฉริยะและเป็นนักปิดขวัญใจมหาชนอย่างแท้จริงวัย 40 ปีกำลังถูกท้าทายในความสำเร็จอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ส่วนคลื่นลูกใหม่จะมาแรงแซงทางโค้งคลื่นลูกเก่าหรือไม่เราคงได้รู้กัน แต่ที่แน่ ๆ ในวันนี้คาตาลุนญ่าไม่ได้มีแค่บาร์เซโลน่าหนึ่งในสโมสรฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่และมีแฟนติดตามอยู่ทั่วโลกเท่านั้น ยังมี “มาร์ค มาร์เกวซ” ยอดนักบิดที่ตัดสินใจเลือก “มด” เป็นสัตว์นำโชคของเขาที่เราจะเห็นได้เสมอบนหมวกกันน็อคที่เขาใส่ เขามองว่ามดเป็นสัตว์ที่มีขนาดเล็กมากแต่ในเวลาเดียวกันมันก็แข็งแกร่งมากเช่นกันเมื่อสามารถยกของที่หนักกว่าน้ำหนักตัวของมันได้หลายเท่ารวมถึงการทำงานร่วมกันเป็นทีมเพื่อประสบความสำเร็จไปพร้อมกัน และยังเป็นสิ่งเตือนใจให้เขารู้ว่าเขาต้องทำงานหนักอยู่เสมอเพราะนั่นจะเป็นหนทางเดียวที่จะนำชัยชนะมาให้เขา และสำหรับคาตาลุนญ่าเมืองเกิดของเขาแล้วความโด่งดังของเขาอาจจะเป็นรองก็จะมีเพียง “ลิโอแนล เมสซี่” เท่านั้นในวันนี้

post

ครอบครัวฉลองวันเกิดชูมัคเกอร์ครบ 50 ปี

มิชาเอล ชูมัคเกอร์ นักแข่งรถ F1 ชาวเยอรมัน ที่เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จสูงสุดในประวัติศาสตร์ โดยคว้าตำแหน่งแชมป์โลก 7 สมัย เขาเกิดวันที่ 3 มกราคม 1969 ฉายาของเขาคือ “Rain King” เพราะในสภาพอากาศที่เลวร้ายเขายังควบคุมรถได้อย่างแม่นยำและมักจะเป็นผู้ชนะในรายการแข่งขันช่วงฝนตกอยู่บ่อย ๆ นอกจากนี้เขายังมีอีกหนึ่งฉายาคือ “The Red baron” เพราะเขามักจะปรากฏตัวพร้อมกับรถเฟอรารี่สีแดงของเขาอยู่เสมอ

การอำลาวงการที่ไม่มีใครคาดคิด

ไม่มีใครสงสัยในฝีมือการขับขี่ของชูมัคเกอร์และทุก ๆ ชัยชนะที่เขาได้รับ หลังจากที่ประสบความสำเร็จมาอย่างยาวนานจนกระทั่งพ่ายแพ้ให้แก่เฟอนันโด อลอนโซ่นักขับชาวสเปนจากทีมเรย์โนลด์ ชูมัคเกอร์ก็ประกาศอำลาวงการสร้างความช็อกให้กับคนทั้งโลก โดยหันไปเอาดีทางการแข่งขันเกี่ยวกับความเร็วด้านอื่นเช่น มอเตอร์ไบค์แทน ซึ่งนอกจากจะไม่ประสบความสำเร็จแล้วยังเกิดอุบัติเหตุขึ้นอยู่บ่อยครั้ง จนกระทั่งปี 2010 ชูมัคเกอร์กลับสู่วงการแข่งรถอีกครั้งโดยตกลงเซ็นสัญญากับทีมเมอร์เซเดส แต่ผลงานของเจ้าตัวกลับเลวร้ายสุด ๆ จนถึงปี 2012 ถึงประกาศอำลาวงการรถสูตรหนึ่งอีก มีข่าวลือว่าฝีมือที่ตกต่ำลงเป็นผลพวงมาจากอุบัติเหตุในการแข่งขันรถมอเตอร์ไบค์ทั้งสภาพร่างกายและจิตใจ

สกีจุดเริ่มต้นของจุดจบ

หลังอำลาวงการคำรบที่สอง ชูมัคเกอร์หันไปเล่นสกีซึ่งเป็นหนึ่งในสิ่งที่เขารัก และในวันที่ 29 ธันวาคม 2013 ชูมัคเกอร์ประสบอุบัติเหตุจากการเล่นสกี ซึ่งอุบัติเหตุครั้งนั้นเขาสะดุดและล้มลงศีรษะกระแทกเข้ากับโขดหินและได้รับบาดเจ็บที่สมองอย่างรุนแรง จนภายหลังเจ้าตัวได้รับการผ่าสมองถึง 2 ครั้ง แต่ยังอยู่ในอาการโคม่า ข่าวการประสบอุบัติเหตุของชูมัคเกอร์ได้รับความสนใจจากชาวเยอรมันนับล้านคน ตลอดเวลาที่ชูมัคเกอร์พักรักษาตัวไม่เคยปรากฏข่าวหรือรายละเอียดการรักษาตัวของเขาอีกเลยโดยสื่อมวลชนได้รับเพียงสารจากผู้จัดการส่วนตัวของเขาว่าชูมัคเกอร์ฟื้นจากอาการโคม่าแล้ว และขอให้เคารพในความเป็นส่วนตัวของเขา หลังจากนั้นไม่ปรากฏข่าวคราวของเขาเลย

ปริศนาและข่าวลือ

ปี 2014 ผู้จัดการส่วนตัวให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อทีวีว่าชูมัคเกอร์มีพัฒนาการที่ดีขึ้น แต่ไม่มีข้อมูลใด ๆ มากกว่านี้หลายสื่อให้ข่าวแตกต่างกันไปมีบางสื่อบอกว่าเขากลายเป็นเจ้าชายนิทราไปแล้ว ไม่นานทุกอย่างก็ถูกลืมไปเช่นเดิม แม้ว่าเราอาจจะไม่ได้เห็นชูมัคเกอร์โลดแล่นอยู่ในสนามแข่งรถสูตรหนึ่งที่คุ้นตาอีกแล้ว แต่เขาก็เข้าได้เข้าร่วมองค์กรยูนิเซฟเพื่อรณรงค์ให้ผู้คนขับขี่อย่างปลอดภัย ชีวิตและเรื่องราวของเขาปัจจุบันกำลังถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์และสารคดีในไม่ช้า เชื่อว่าอีกไม่นานเราคงได้รู้จักราชันแห่งผู้ขับขี่รถซิ่งฉายาเดอะ เรด บารอนหรือตามที่คนไทยรู้จักกันในนาม “ไส้กรอกบิน”มากขึ้นกว่าเดิมแน่นอน