ในปี 2019 ที่ผ่านมา คงไม่มีมีนักกอล์ฟไทยคนไหนโชว์ฟอร์มได้ร้อนแรงไปกว่า “โปรแจ๊ส” ที่สามารถคว้าแชมป์เอเชี่ยน ทัวร์มาครองได้ถึง 4 รายการ กวาดเงินรางวัลรวมกันถึง 1,057,524 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 32 ล้านบาท พร้อมกับขยับขึ้นไปรั้งอันดับที่ 40 ของโลก
โปรแจ๊ส เริ่มสนใจและฝึกเล่นกอล์ฟมาตั้งแต่เด็ก โดยทำสถิติเป็นนักกอล์ฟอายุน้อยที่สุดที่ผ่านการคัดตัวเข้าแข่งขันเอเชี่ยน ทัวร์ เมื่อปี 2010 ด้วยวัยเพียง 14 ปี 71 วัน ในรายการAsian Tour International ซึ่งจัดการแข่งขันที่จังหวัดนครปฐม ก่อนที่จะเทิร์นโปรเป็นนักกอล์ฟอาชีพในเดือนธันวาคม 2010 โดยเลือกใช้ชื่อ Jazz Janewattananond ในการลงแข่งขันกอล์ฟอาชีพ โดยชื่อเล่นนี้มีที่มาจากคุณพ่อซึ่งเป็นแฟนเพลงแจ๊สนั้นเอง
โปรแจ๊สสามารถคว้าแชมป์เอเชี่ยน ทัวร์รายการแรกได้สำเร็จในปี 2017 จากรายการ Bashundhara Bangladesh Open ณ กรุงธากา ประเทศบังคลาเทศ ทำให้โปรแจ๊สได้โอกาสเล่นรอบคัดเลือก The Open Championship 2018 แต่ไม่ผ่านการตัดตัว ก่อนจะมาคว้าแชมป์เอเชี่ยน ทัวร์เป็นครั้งที่สองให้ตัวเองในรายการ Queen’s Cup 2018 ที่เมืองพัทยา จบฤดูกาลด้วยการครองอันดับที่ 123 ของโลก ก่อนจะเป็นกำลังสำคัญของทีมไทยในรายการ Amata Friendship Cup ซึ่งเป็นกอล์ฟรายการพิเศษประเภททีมระหว่างทีมไทยกับทีมญี่ปุ่น โดยโปรแจ๊สเป็นนักกอล์ฟไทยเพียงคนเดียวที่สามารถเก็บชนะได้ทุกแมตช์ที่ลงแข่งขัน พาทีมไทยคว้าแชมป์รายการนี้มาครองได้สำเร็จ
และแล้วเมื่อฤดูกาล 2019 เปิดฉากขึ้น โปรแจ๊สก็โชว์ฟอร์มร้อนแรงทันที เมื่อคว้าแชมป์ Singapore Open ได้ตั้งแต่ต้นปี นับเป็นแชมป์เอเชี่ยน ทัวร์รายการที่สาม ส่งผลให้อันดับโลกขยับขึ้นไปอยู่ที่ 74 ติดท็อป 100 ของโลกได้เป็นครั้งแรก ทำให้ได้รับสิทธิเข้าแข่งขัน PGA Championship โดยจบในอันดับที่ 14 ก่อนจะมาคว้าแชมป์ Kolon Korea Open ในช่วงกลางปี ตามด้วยแชมป์ BNI Indonesian Masters ในช่วงปลายปี ทำให้เขากลายเป็นนักกอล์ฟอายุน้อยที่สุดที่สามารถคว้าแชมป์เอเชี่ยน ทัวร์ 5 รายการ และทะยานขึ้นไปอยู่ที่อันดับ 45 ของโลก เท่านั้นไม่พอยังสามารถคว้าแชมป์ Thailand Masters ส่งท้ายฤดูกาล 2019 ได้สำเร็จ จนจบด้วยอับดับที่ 40 ของโลกในที่สุด เรียกได้ว่าขึ้นแท่นเป็นขวัญใจแฟน ๆ กีฬากอล์ฟประจำเว็บไซต์ VWIN เป็นที่เรียบร้อย
ผลงานที่ดีขึ้นอย่างก้าวกระโดดของโปรแจ๊ส ต้องยอมรับว่าส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการทำงานร่วมกับโค้ชสวิงระดับโลกอย่าง พีท โคเวน ที่เคยร่วมงานกับนักกอล์ฟชั้นนำของโลกอย่าง รอรี่ แม็คอิลรอย, เฮนริค สเตนสัน และลี เวสต์วูด มาแล้ว ทำให้วงสวิงของโปรแจ๊สพัฒนาไปอย่างมาก จนมีระยะไดร์ฟเฉลี่ยอยู่ที่ 295.18 หลา ใกล้เคียงกับนักกอล์ฟชื่อดังระดับ PGA Tour ทีเดียว
ในฤดูกาล 2020 นี้ โปรแจ๊สในวัย 24 ปี ได้ก้าวขึ้นมาเป็นมือวางอันดับ 1 ของเอเชี่ยน ทัวร์อย่างเป็นทางการ โดยจะประเดิมด้วยรายการ Hong Kong Open และที่สำคัญในปีนี้โปรแจ๊สได้สิทธิเข้าร่วมแข่งขัน Masters Tournament เป็นครั้งแรก จากการทำอันดับติด Top 50 ของโลก ซึ่งการได้รับโอกาสลงแข่งขันในรายการระดับเมเจอร์อย่างสม่ำเสมอนี่เอง อาจเป็นส่วนสำคัญช่วยให้โปรแจ๊สกลายเป็นนักกอล์ฟชายไทยคนแรกที่สามารถคว้าแชมป์รายการเมเจอร์มาครองได้สำเร็จก็เป็นได้