post

ทัดดาว-พรพรรณ สองนักตบสาวไทย ที่กำลังจะไปตบไกลถึงเจแปน

สำหรับวงการวอลเลย์บอลแล้ว วีลีก ของประเทศญี่ปุ่นถือเป็นลีกวอลเลย์บอลอาชีพระดับแนวหน้าของเอเชียรวมไปถึงของโลก และมันก็เป็นเรื่องที่ยากพอสมควรที่จะมีนักตบสาวไทยก้าวเข้าไปเล่นในรายการนี้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยมีเลยเสียทีเดียวอย่างเมื่อไม่นานมานี้เราก็ได้ยินดีไปกับความสำเร็จของ “ทิพย์” แก้วกัลยา กมุลทะลานักตบสาวไทยที่ไม่ใช่เพียงแค่ได้เล่นในวีลีกเท่านั้น แต่เธอยังสามารถก้าวไปถึงตำแหน่งแชมป์ได้สำเร็จอีกด้วย

และสำหรับข่าวดีของวงการวอลเลย์บอลไทยเราก็คือ การที่ในฤดูกาลหน้าเราจะได้เห็นนักตบสาวไทยที่จะลงเล่นในลีกประเทศญี่ปุ่น แถมจะมีพร้อมกันถึงสองคนอีกด้วยซึ่งพวกเธอทั้งสองคนก็ล้วนแล้วแต่เป็นขาประจำในทีมชาติไทยมาอย่างยาวนาน และเป็นที่คุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดีของแฟนวอลเลย์บอลชาวไทยนั่นก็คือ

“แนน” ทัดดาว นึกแจ้ง สาวร้อยเอ็ดวัย 26 ปี ผู้เล่นในตำแหน่งบอลเร็วที่จะย้ายไปเล่นกับทีมเจที มาร์เวลัสทีมแชมป์เก่าของลีกหรือก็คือทีมเก่าของทิพย์ แก้วกัลยานั่นเอง ซึ่งก็เท่ากับว่าทัดดาวจะกลายเป็นนักตบไทยคนที่สองของทีมนี้ และเป็นนักวอลเลย์บอลคนที่สามของไทยที่ได้เล่นในวีลีก ต่อจากชัชชุอร โมกศรี และแก้วกัลยา กมุลทะลา และแน่นอนว่าเป้าหมายของทัดดาวก็คือการช่วยทีมใหม่ป้องกันแชมป์ให้ได้ และถ้าหากว่าทำได้สำเร็จก็เท่ากับว่าจะมีนักวอลเลย์บอลชาวไทยเป็นแชมป์วีลีก ญี่ปุ่นได้ถึงสองปีติดต่อกัน

อีกคนหนึ่งก็คือ “ชมพู่” พรพรรณ เกิดปราชญ์ อีกหนึ่งเซ็ตเตอร์ตัวความหวังของทีมชาติไทย ที่ได้รับการยืนยันแล้วว่าจะย้ายไปเล่นในวีลีก ญี่ปุ่นร่วมกับทีมดังอย่าง โตโยต้า ออโต้ บอดี้ในฤดูกาลหน้า ซึ่งก็ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญบนเส้นทางนักกีฬาของเธอที่จะได้ออกไปหาประสบการณ์ในลีกต่างประเทศอีกครั้ง หลังจากที่เอเคยไปคว้าแชมป์วอลเลย์บอลลีกประเทศอินโดนีเซีย กับทีมโปปซิโว โปวาลมาแล้วเมื่อฤดูกาล 2019-2020 ที่ผ่านมา

นับว่าเป็นก้าวสำคัญของทั้งทัดดาว นึกแจ้ง และพรพรรณ เกิดปราชญ์ รวมไปถึงวงการวอลเลย์บอลประเทศไทย สำหรับการที่มีโอกาสก้าวเข้าไปสู่การแข่งขันลีกอาชีพที่ใหญ่และมีคุณภาพสูงอย่างวีลีก ญี่ปุ่น เพราะแน่นอนว่าพวกเธอทั้งคู่นั้นจะเป็นกำลังหลักให้กับทีมชาติไทยในช่วงเปลี่ยนเลือดใหม่นี้ และการได้รับประสบการณ์จากเวทีระดับนี้จะช่วยยกระดับฝีมือของพวกเธอได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการซ้อมที่เข้มข้นและการลงเล่นร่วมกับนักวอลเลย์บอลระดับโลกหลายต่อหลายคน สิ่งเหล่านี้จะส่งผ่านตัวของพวกเธอมาสู่ผู้เล่นคนอื่น ๆ ในทีมชาติไทยได้อย่างแน่นอน ดังนั้นแฟนวอลเลย์บอลชาวไทยคงจะต้องติดตามให้กำลังใจพวกเธอทั้งคู่ ให้ประสบความสำเร็จในการย้ายทีมครั้งนี้ และนำความภาคภูมิใจและประสบการณ์ดี ๆ เข้ามาสู่ทีมชาติไทยของเราต่อไป

post

ลุ้นกันต่อกับเส้นทางสายโค้ชของ “กัปตันกิ๊ฟ” วิลาวัณย์ อภิญญาพงศ์

นับเป็นอีกหนึ่งข่าวดีของวงการวอลเลย์บอลไทย หลังจากที่ทางสหพันธ์วอลเลย์บอลแห่งเอเชีย (AVC) ได้ทำการประกาศรายชื่อผู้ผ่านเข้ารอบ 8 คนสุดท้ายของทวีปเอเชียที่ผ่านเข้ารอบโครงการ Euro/Asia Coaches Cooperation Project ซึ่งเป็นการจับมือกันระหว่างสมาพันธ์วอลเลย์บอลสองทวีปในการที่จะเฟ้นหาผู้มีคุณสมบัติที่จะเข้าทำการฝึกอบรมหลักสูตรการเป็นโค้ชวอลเลย์บอลในปีหน้า

และปรากฏว่ารายชื่อหนึ่งในแปดคนของทวีปเอเชียมีชื่อของ “กัปตันกิ๊ฟ” วิลาวัณย์ อภิญญาพงศ์ นักตบสาวขวัญใจชาวไทยรวมอยู่ด้วยนั่นเอง ซึ่งทำให้เธอยังคงอยู่ในเส้นทางการคัดเลือกต่อไป เพราะต้องรอคัดเลือกคุณสมบัติตัดตัวกันอีกรอบหนึ่ง เนื่องจากโครงการนี้จะให้โควตาผู้เข้าอบรมจากทั้งสองทวีปรวมกันแค่ 8 คน หรือได้สิทธิ์ทวีปละ 4 คนนั่นเอง

สำหรับตัวของกัปตันกิ๊ฟเองซึ่งปัจจุบันอายุ 36 ปี และกำลังวางแผนที่จะวางมือจากการเป็นนักกีฬาวอลเลย์บอลทีมชาติไทย เพื่อให้เวลากับตัวเองและครอบครัวเสียทีหลังจากที่ทุ่มเทให้กับการเล่นวอลเลย์บอลมาอย่างยาวนาน รวมไปถึงเพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้กับนักกีฬาสายเลือดได้ก้าวขึ้นมาทดแทนอีกด้วย ซึ่งมันก็ทำให้แฟนวอลเลย์บอลใจหายไม่น้อยที่จะไม่เห็นเธอที่ถือเป็นหนึ่งในห้าเซียน ที่เป็นชุดบุกเบิกความยิ่งใหญ่และปลุกกระแสนิยมให้กับวอลเลย์บอลไทย โลดแล่นอยู่ในสนามอีกต่อไป

ถึงแม้จะเป็นที่น่าเสียดายได้เพียงใดแต่มันก็เป็นธรรมชาติอย่างหนึ่งของเส้นทางนักกีฬาอาชีพ ที่เมื่อถึงจุดหนึ่งด้วยปัจจัยหลาย ๆ อย่างมันก็ต้องถึงวันที่จะต้องหยุดเล่นกันทุกคน แต่แฟนวอลเลย์บอลหลาย ๆ คนต่างก็เห็นว่าด้วยคุณสมบัติที่ตัวเธอมีไม่ว่าจะเป็นเทคนิคต่าง ๆ ในการเล่นวอลเลย์บอล ประสบการณ์มากมายจากเวทีระดับโลกตลอดหลายปีที่ผ่านมา รวมไปถึงความเป็นผู้นำของเธอยามที่อยู่ในสนาม คุณสมบัติเหล่านี้มันจะมีประโยชน์มากสำหรับพัฒนาการของนักวอลเลย์บอลสายเลือดใหม่ ถ้าหากว่าเธอสามารถถ่ายทอดสิ่งเหล่านี้ออกมาให้แก่รุ่นน้องได้ และทางที่ดีที่สุดในการถ่ายทอดวิชาก็คงจะหนีไม่พ้นการเป็นโค้ชนั่นเอง และการตัดสินใจลงสมัครเข้าร่วมโครงการในครั้งนี้ของเธอมันก็แสดงให้เห็นแล้วว่าไม่เพียงแค่แฟนวอลเลย์บอลที่อยากจะเห็นกัปตันกิ๊ฟมาเป็นผู้ฝึกสอนให้กับรุ่นน้อง แต่ตัวของเธอเองก็วางแผนเอาไว้แบบนั้นเช่นกัน และหวังว่าสิ่งที่ทุกคนอยากจะเห็นจะเป็นจริงในอนาคตอันใกล้นี้

แฟนวอลเลย์บอลไทยยังคงต้องคอยลุ้นช่วยกัปตันกิ๊ฟกันอีกรอบหนึ่ง เพื่อที่จะคว้าสิทธิ์การเข้าเป็นหนึ่งในผู้เข้ารับการอบรมหลักสูตรโค้ชในครั้งนี้เพื่อนำความรู้ที่ได้จากการฝึกอบรม มาผสานกับประสบการณ์ที่เธอมีเพื่อถ่ายทอดให้กับรุ่นน้องต่อไป และไม่แน่ว่าความหวังสูงสุดที่เธอยังไม่สามารถคว้ามาได้ตอนเป็นผู้เล่นอย่างตั๋วเข้าร่วมโอลิมปิก ทีมชาติไทยอาจจะสามารถทำได้สำเร็จภายใต้โค้ชที่ชื่อ “โค้ชกิ๊ฟ” วิลาวัณย์ อภิญญาพงศ์ ก็คงจะถือเป็นการเติมเต็มความฝันของเธอได้เช่นกัน